เลือกซื้อ Laptop คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องใหม่ จากรายการจัดอันดับที่ดีที่สุด ทั้งหมด 10 รุ่น ฉบับปี 2021 ดูรายละเอียดแต่ละรุ่นในบทความของเรา
หากคุณต้องการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุด สำหรับปี 2021 บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้โดยไม่ต้องอ่านข้อมูลเพิ่มจากที่ไหน ปีนี้จะเป็นปีของการเริ่มต้นใหม่หลังจากความท้าทายมากมายในปีที่ผ่านมา การเลือกใช้แล็ปท็อปเครื่องใหม่จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตของคุณราบรื่นขึ้น เราได้ทำการทดสอบและตรวจสอบรายละเอียดเพื่อสร้างรายการรีวิวแล็ปท็อปที่ดีที่สุดในบทความนี้ ที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ทางออนไลน์ พร้อมแล็ปท็อปราคาประหยัดที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเอื้อมถึงได้
ในการใช้เกณฑ์พิจารณาที่เข้มงวดของเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ และมูลค่าโดยรวม สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเราในการรวบรวมรายการผลิตภัณฑ์สำหรับบทความนี้ คือการนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย
เราเชื่อว่าผู้อ่านแต่ละคนต้องการแล็ปท็อปคนละประเภทในการใช้งาน Apple MacBook Air เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเรา (และตัวเลือกที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว) อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจดีว่าทุกคนมีงบประมาณและความต้องการที่แตกต่างกัน
เรามีตัวเลือกให้คุณมากมายตั้งแต่แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดไปจนถึงรุ่นยอดนิยมที่ Dell และ HP นำเสนอ
การที่ Apple MacBook Air รุ่นใหม่นี้ได้รับคะแนนรีวิวระดับห้าดาวมากกว่า 11,000 รายการ ถือเป็นเรื่องที่เราสามารถเข้าใจได้ ด้วยความนิยมของ Apple ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก เป็นแล็ปท็อปที่บางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ทำให้รุ่นนี้ยังคงเป็นโน๊ตบุ๊คที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะออกขายก่อนที่จะมีการเปิดตัว M1 CPU
ระบบปฏิบัติการที่ใช้เป็น Intel Core i5 รุ่นที่ 10 ที่มีประสิทธิภาพการทำงานทั้งเงียบกว่าและเร็วกว่า (ความเร็วมากกว่าถึงสองเท่า) สามารถกำหนดค่าเป็น Core i7 ได้ จอภาพ Retina สร้างความประทับใจด้วยเทคโนโลยีการให้สีที่สมจริง มาพร้อมกับสีที่เพิ่มขึ้น 48% และกราฟิกที่เร็วขึ้น 80% เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น
คีย์บอร์ดมีความโดดเด่นด้วยกลไกแบบใหม่ พร้อมขนาดปุ่มต่าง ๆ ที่ใหญ่ขึ้น 20% ทำให้มีพื้นที่มากขึ้นในการสัมผัสแบบ Multi-Touch เราชื่นชอบระบบ Touch ID ในรุ่นนี้มาก เพราะทำงานได้รวดเร็วและราบรื่นกว่า iPhone Touch ID รุ่นเก่า
แล็ปท็อปนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสำนักงานและโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์สำหรับใช้งานส่วนตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดูซีรีส์หลายชั่วโมงติดกันบน Netflix และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกม ด้วยราคาประมาณ 46,000 บาท โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้สามารถเอาชนะบางรุ่นจาก HP, Dell และ LG ในรายการของเราได้อย่างง่ายดาย ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่สูงและยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
สำหรับผู้อ่านที่มองหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แรงมาก Acer Swift 3 คือตัวเลือกของคุณสำหรับประสิทธิภาพการใช้งานที่โดดเด่น มีระบบที่ใช้งานง่าย และจอแสดงผลคุณภาพสูง และยังเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเราสำหรับผู้อ่านที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด รุ่นนี้เป็นหนึ่งในสินค้าโปรดของเราที่ใช้ได้สำหรับการทำงานและการเรียน เพราะเป็นแล็ปท็อปขนาดกะทัดรัด พกพาไปได้ทุกที่ และยังสามารถมอบประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดีให้คุณได้
มาเริ่มกันที่การออกแบบตัวเครื่อง ซึ่งมีน้ำหนักเบาและไม่ใหญ่โตมาก จึงเหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ด้วยน้ำหนักเพียง 1.19 กิโลกรัม และความบางที่ 15.95 มม. ด้านในเป็นโครงโลหะผสมอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าตัวเครื่องไม่ได้ดูบอบบางจนเป็นปัญหาเหมือนโน๊ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดรุ่นอื่น ๆ
พื้นที่หน้าจอได้รับการปรับให้เหมาะสมในอัตราส่วน 16: 9 มาพร้อมกับจอแสดงผล FHD IPS ที่ใช้ Acer Color Intelligence และ ExaColor มอบคุณภาพสูง ที่คุณรู้สึกได้จากสีสันที่โดดเด่น และรายละเอียดภาพที่มีความคมชัด แม้ว่าจะมีความละเอียดต่ำกว่าแล็ปท็อปบางรุ่นในประเภทเดียวกัน แต่ก็มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับทำงานและดูวิดีโอได้อย่างสะดวกสบาย
การใช้พลังงานถือเป็นอีกสิ่งที่ยอดเยี่ยมของรุ่นนี้ ด้วยอายุการใช้งานต่อเนื่อง 17 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ 56Wh เราประทับใจกับความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วเป็นพิเศษได้ ซึ่งทำให้ใช้งานต่อได้อีกถึง 4 ชั่วโมงหลังจากการชาร์จเร็วเพียง 30 นาที ระบบการเข้าใช้งานมีความรวดเร็วและปลอดภัยด้วยเครื่องสแกนนิ้วในตัวที่คุณกดใช้ได้จากมุมขวาล่าง
• เชื่อมต่อได้หลากหลายกับพอร์ต USB 3.2 Gen 1, HDMI, USB Type-C, USB 2.0 slot, Kensington Lock Slot และช่องต่อหูฟัง
ถ้าเปรียบเทียบกับโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 รุ่นอื่น ๆ ในรายการของเรา จะเห็นว่ามีราคาค่อนข้างแพง เราจึงตัดสินใจรวมตัวเลือกที่เหมาะสมกว่ามาในรีวิวนี้ด้วย คือ HP Envy x360 รุ่นนี้ ซึ่งเป็นรุ่นที่มีรูปลักษณ์สวยหรูของตัวเลือกที่ราคาสูงกว่า ในราคาไม่แพงมาก
แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้งานทุกคน แต่เราคิดว่าเป็นรุ่นที่เหมาะที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการลองใช้แล็ปท็อปแบบฝาพับ ทั้งในแง่ของคุณสมบัติและความรู้สึกในการใช้งาน แต่ยังไม่อยากลงทุนซื้อเครื่องแพงตั้งแต่ครั้งแรก
ด้วยหน้าจอสัมผัส WLED เต็มรูปแบบ และกราฟิก AMD Radeon ที่มีความละเอียดสูง ทำให้รุ่นนี้ทำงานได้ดีสำหรับนักออกแบบหรือศิลปิน คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 14 ชั่วโมง ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล 1TB และจอแสดงผล UHD OLED ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจในความคิดเห็นของเราเช่นกัน คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะไม่มีพื้นที่เก็บข้อมูล หรือแบตจะหมดเร็วในระหว่างการทำงานที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และสีสันที่ดูหรูหราและสดใส
แม้ว่าน้ำหนัก 2 กิโลกรัมของรุ่นนี้ ไม่ใช่น้ำหนักที่เบาที่สุดในตลาด แต่ก็ไม่ได้หนักมากเกินไปเช่นกัน เพราะคุณยังพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน เรารู้สึกว่ามีพอร์ตเพียงพอโดยไม่ต้องแต่งเติมเพิ่ม มีทั้งเครื่องอ่านการ์ด SD, พอร์ต USB Type-A, ปลั๊กไฟ และช่องใส่หูฟังทางด้านซ้าย พร้อมกับ HDMI 2.0, USB Type-C, และ USB Type-A อีกช่องทางด้านขวา
แม้ว่า Asus ROG Zephyrus จะทำเว็บแคมออกมาได้ไม่ดีนัก แต่ก็ประกอบไปด้วยคุณสมบัติอย่างอื่นที่ทดแทนจุดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาที่สูงที่สุดในรายการของเรา นี่คือโน๊ตบุ๊ครุ่นมืออาชีพที่มีคะแนนแบตเตอรี่ดีที่สุดจากเครื่องอื่น ๆ ทั้งหมดในระดับเดียวกัน อีกข้อหนึ่งที่ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นกว่ารุ่นอื่น คือตัวเครื่องที่เบาและบางเพียง 17.78 มม. และน้ำหนักเครื่องเพียง 2.22 กิโลกรัม จึงถือเป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่เบาที่สุดที่คุณรู้จักสำหรับการเล่นเกมที่สนุกสนาน เพราะทางผู้ผลิตเข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เทอะทะ
นอกจากน้ำหนักที่เบาน่าประทับใจ คุณสมบัติอื่นก็ยังครบถ้วน ไม่ได้ถูกลดทอนประสิทธิภาพไปตามน้ำหนัก รุ่นนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Intel Core i7 รุ่นที่ 8 พร้อมด้วยพาเนล IPS อัตราการรีเฟรช 144Hz ที่ให้เวลาตอบสนองที่รวดเร็วถึง 3 มิลลิวินาที รูปแบบกราฟิก NVIDIA GeForce ความละเอียด 1,080 พิกเซลและการออกแบบ Max-Q ก็เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของความละเอียดหน้าจอ ทำให้คุณเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลเป็นพิเศษด้วยการจับภาพแบบ 360 ° พร้อมช่วยลดความเบลอของภาพแม้ในระบบ VR
การไหลเวียนของอากาศเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ โดยมีพื้นที่เพิ่มขึ้น 20% เพื่อการไหลเวียนของอากาศในระบบที่เพิ่มขึ้น 32% และอุณหภูมิลดลง 20% จากเดิม สำหรับข้อมูลสถิติการใช้งานเหล่านี้ ต้องขอบคุณ Active Aerodynamic System (AAS) แบบบูรณาการ ที่ช่วยตัวเครื่องเย็น ใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ
แม้จะมีดีไซน์ที่บางเบา แต่ก็ยังมีพอร์ตมากมายสำหรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย สำหรับด้านข้างเครื่อง คุณจะกับปุ่มเปิดปิด พร้อมกับช่องเสียบ HDMI 2.0, USB 3.1 Gen 2, Gen 1, USB 3.1 Gen 2 Type-C ผ่าน Thunderbolt และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
• ภาพสวยลื่นไหลด้วยอัตราการรีเฟรชที่ 144Hz ในเวลาการตอบสนอง 3 มิลลิวินาที และระบบ SRGB 100%
HP Elite Dragonfly เป็นโน๊ตบุ๊คแบบฝาพับอีกหนึ่งรุ่นสำหรับผู้อ่านที่มองหาคุณสมบัติมากกว่าการใช้งานทั่วไป คุณสามารถเปลี่ยนเป็นแท็บเล็ตได้ และยังสามารถใช้ด้วยการตั้งฝาพับเป็นโหมด “เต็นท์” และโหมด “สื่อ” เพื่อนำเสนอข้อมูลหรือดูเนื้อหา เนื่องจากรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีน้ำหนักเบา จึงถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเราในหมวดหมู่แล็ปท็อปสำหรับการใช้งานทางธุรกิจ หรือสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่อยากได้คอมพิวเตอร์น้ำหนักมากในขณะที่คุณเดินทาง
นอกเหนือจากน้ำหนักเครื่องที่เบาอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานทางธุรกิจ คือคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ (มีทั้งหมด 6 ฟังก์ชันด้วยกัน) จาก HP Sure Click ที่ปกป้องเครื่องตั้งแต่มัลแวร์ไปจนถึง HP Sure Start Gen5 ที่ประกอบด้วยระบบ BIOS ที่รักษาตัวเองได้ ซึ่งเป็นทางออกของการใช้งานที่มีการ “พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” และเป็นแนวทางระดับโลกในการรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย
คีย์บอร์ดของเครื่องนี้เป็นหนึ่งในรายการโปรดจากทุกรุ่นในรายการของเรา มีความเงียบในการใช้งาน พร้อมไฟส่องด้านหลังที่สมบูรณ์แบบ ทำให้รู้สึกประทับใจเวลาทำงาน การออกแบบภายนอกทั้งหมดเป็นอีกจุดเด่นที่เราอยากนำเสนอ ทั้งดีไซน์ที่เรียบหรู หน้าจอแสดงผลความสว่างพิเศษ 1,000 nit กรอบแมกนีเซียมรุ่นใหม่ และตัวเครื่องสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงเป็นเฉดสีรุ้งที่งดงาม
คุณสมบัติอีกอย่างที่ทำให้รุ่นนี้สมบูรณ์แบบสำหรับมืออาชีพที่ต้องเดินทางอยู่เสมอ คือ การเชื่อมต่อระบบ LTE ซึ่งทำให้คุณสามารถออนไลน์ได้ทุกที่ด้วย 4G LTE และ Wi-Fi 6 ระดับความเร็วกิกะบิต ใช้ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา และไม่กินแบตเตอรี่ จึงเป็นอุปกรณ์คู่ใจที่ดีสำหรับคนที่ต้องเดินทางตลอดเวลา
• เชื่อมต่อได้กับ LTE และมีดีไซน์ที่พับเปิดได้
สิ่งแรกที่คุณจะสังเกตเห็นจากคุณสมบัติของ Dell XPS 13 2-in-1 คือความสามารถของหน้าจอระบบสัมผัส และการใช้งานแบบแท็บเล็ต แต่ยังมีคุณสมบัติอื่นอีกมากมายที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบฝาพับด้วยหน้าจอขนาด 13.4 นิ้วที่เพรียวบาง พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานน่าประทับใจ แม้ว่าจะมีขนาดที่กะทัดรัด แต่เราก็ชอบความรู้สึกที่ตัวอุปกรณ์มีความแข็งแกร่ง ไม่ได้บอบบางจนเกินไปเหมือนกับบางรุ่นที่เราเคยเห็น
การตอบสนองบนหน้าจอสัมผัสเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ที่มาพร้อมกับความละเอียดกว่า 1,920 x 1,200 พิกเซล ให้สีสันที่หลากหลายและการรับชมที่ราบรื่นแม้แต่ในแสงจ้า แม้ว่าแล็ปท็อปรุ่นนี้จะไม่ค่อยเหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเครื่องสเปคสูงมากนัก ตัวกราฟิกก็ยังมีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับการเล่นเกมทั่วไป
การออกแบบการใช้งานให้เป็นอุปกรณ์ 2-in-1 ทำให้คุณสามารถใช้เป็นแท็บเล็ตได้ โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติอื่น ๆ ในตัวเครื่อง เนื่องจากยังมีน้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม และมีหน้าจอกว้างอัตราส่วน 16:10 จุดนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจสำหรับเรา เพราะคอมพิวเตอร์พกพาที่เป็นสไตล์ฝาพับรุ่นอื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะมีอัตราส่วน 16: 9 ในรุ่น XPS 13 2-in-1 ยังมีความละเอียดเพิ่มเติมอีกกว่าหนึ่งล้านพิกเซล แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างในทันที ก็เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการแสดงภาพ
เว็บแคมในรุ่นนี้เหมือนกับรุ่น XPS 13 ดั้งเดิมที่มีความละเอียด 720p และมีเซ็นเซอร์ IR เพื่อให้จดจำใบหน้าสำหรับการเข้าสู่ระบบการใช้งานอย่างราบรื่น มีลำโพงสเตอริโอที่ฐานเครื่อง คุณเสียงจะสมบูรณ์และคมชัด โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ต ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 60 นาทีจะได้แบตเตอรี่ถึง 90% และมีระยะเวลาใช้งานต่อเนื่อง 14 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่เราทดสอบ
ด้วยตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบาและบางเพียง 1.23 กิโลกรัมและความบางเบาเพียง 11.6 มม. ทำให้ Dell XPS 13 กลายเป็นแล็ปท็อปที่ผู้ใช้ชื่นชอบ มีการพัฒนาที่จำเป็นหลายอย่างในรุ่นนี้ เช่น การจัดวางเว็บแคมใหม่ที่ไม่ทำให้ภาพของคุณสะดุด ถือเป็นรุ่นพกพาที่มีคุณภาพ 4K Ultra HD ในหน้าจอสัมผัสขนาด 13 นิ้วที่มีความละเอียดสวยงาม
สำหรับเว็บแคมของรุ่นนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจของ Dell ที่สามารถย่อขนาดได้เหลือเพียง 2.25 มม. พร้อมกับที่ยังรักษาคุณภาพของกราฟิกความละเอียดสูงบนหน้าจออัตราส่วน 16: 9 ทางผู้ผลิตเรียกหน้าจอนี้ว่า “Next-Gen Dell Cinema” เพราะให้สีสันที่แตกต่าง เสียงที่ลึกล้ำ และการสตรีมที่ราบรื่น
เราเพลิดเพลินไปกับการใช้งานคีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกสบายอย่างสัมผัสได้ ส่วน Touchpad ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่น่าประทับใจเช่นกัน เนื่องจากมีการตอบสนองสูง และให้ความรู้สึกราบรื่นในการใช้งาน
ส่วนพอร์ตสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย กับช่องเสียบ micro SD, Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-C, ช่องต่อหูฟัง นอกจากนี้คุณยังจะได้รับตัวแปลงไป AC ในกล่องสำหรับการเปลี่ยน USB Type-C เป็น USB Type-A ทางด้านซ้ายของพอร์ตเหล่านี้ คุณจะพบไฟ LED อยู่ด้วย ซึ่งเราพบว่าเป็นส่วนที่มีประโยชน์มากเมื่อต้องการดูระดับการชาร์จอย่างรวดเร็ว
• โครงสร้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยส่วนประกอบที่รีไซเคิลได้มากกว่า 90%
Asus TUF506 เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรกับงบประมาณของคุณ เทียบคุณสมบัติกับรุ่น ROG Zephyrus มีหน้าจอใหญ่ขึ้นที่ 15.6 นิ้ว และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากถึง 12.3 ชั่วโมงเมื่อเล่นวิดีโอ แม้จะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อยที่ขนาด 2.3 กิโลกรัม แต่ก็ยังมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและดูโฉบเฉี่ยว ทำให้เป็นแล็ปท็อปสำหรับการเล่นเกมที่เราชื่นชอบ
รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบ AMD Ryzen ซีรีส์ 4800 และระบบกราฟิก NVIDIA GeForce ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงภาพที่ทรงพลัง เข้ากันกับลำโพงประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการพัฒนาระบบเสียงให้ดีขึ้นเกือบสองเท่า พร้อมเสียงเบสที่ลึกกว่ารุ่นเก่าถึง 2.7 เท่า นอกจากนี้ยังทำให้เสียงสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี DTS: X Ultra สร้างเสียงรอบทิศทางเสมือน 7.1 ช่องทาง เพื่อให้ได้เสียงที่น่าทึ่งเมื่อสวมชุดหูฟัง
การรักษาความเย็นเครื่อง ถือเป็นจุดโฟกัสที่สำคัญของรุ่นนี้ เช่นเดียวกับ ROG Zephyrus โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้พลังงานมากในขณะใช้งานที่ต้องติดตาม ภายในมีการติดตั้งระบบ Anti-Dust Cooling สำหรับทำความสะอาดตัวเอง และมีการออกแบบพัดลมคู่ที่ปรับการระบายความร้อนได้ดี เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไป ด้วยระบบนี้ ทำให้ตัวเครื่องสามารถทนทานต่อการใช้งานได้หลายวันในอุณหภูมิร้อน 49 ° C หรือเยือกแข็งถึง -32 ° C
สิ่งที่น่าสนใจที่เราสังเกตเห็นจากการรีวิว คือการทดสอบการตก และการทดสอบการสั่นสะเทือน ที่ดำเนินการโดย Asus เป็นข้อดีที่ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากความเสียหายหากมีการตกหล่นขณะที่คุณกำลังเดินทาง
• โครงสร้างที่แข็งแรงทนทานต่ออากาศร้อน หนาว และความชื้น
คุณสมบัติ “เป็นรุ่นที่ดีที่สุดและสว่างที่สุดในขนาดที่เล็กลง” ถือเป็นคุณสมบัติที่สรุปได้ตามสโลแกนโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นนี้ Spectre x360 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแล็ปท็อปแบบฝาพับที่มีเล็กที่สุดในท้องตลาด ด้วยอัตราส่วนหน้าจอและบอดี้ 90% จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานทุกคนที่ต้องการพลังงานและประสิทธิภาพของแล็ปท็อปขนาดใหญ่ ในรูปทรงขนาดกะทัดรัด รุ่นนี้ราคาประมาณ 72,000 บาท ถือเป็นรุ่นที่มีราคาแพงที่สุดเป็นอันดับสองในรายการของเรา รองจาก Asus ROG Zephyrus G14 ซึ่งก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อคุณพิจารณาคุณสมบัติในอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กเช่นนี้
ระบบปฏิบัติการ Intel Core i5 รุ่นที่ 11 ได้รับการยกระดับเป็น i7 ทำให้เวอร์ชันนี้มีการเติบโตอย่างมากในด้านประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน รูปลักษณ์ด้านนอกที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะไม่เพียงแค่ดูสวยงาม แต่ยังสะท้อนให้เห็นโครงสร้างของตัวเครื่องที่มั่นคงและทนทานอีกด้วย อีกสิ่งที่เราประทับใจ คือกลไกบานพับ ที่มีความแข็งแรง ไม่รู้สึกว่าเปราะบาง และยังให้สัมผัสที่ดีเข้ากันกับตัวเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมทั้งหมด
โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้มีการออกแบบแผงโค้งงอเพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าจอให้ได้มากที่สุด และใช้กล้องหน้าที่มีขนาดเพียง 2 มม. ส่วนเสริมของเว็บแคมที่น่าสนใจก็คือ “kill switch” เป็นปุ่มที่สามารถใช้ปิดกล้องได้ทันทีด้วยการตวัดเพียงครั้งเดียว สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล ยังมีพอร์ตอื่น ๆ บนตัวเครื่องที่มีความบาง 14.5 มม. ได้แก่ ตัวอ่าน micro SD, USB Type-C และ USB 3.1 Type-A, มีช่องเสียบหูฟัง ปลั๊กไฟ และปุ่มเปิดปิดเครื่องรวมอยู่ด้วย
อายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 22 ชั่วโมงเป็นสิ่งที่เราประทับใจ ทาง HP ระบุว่าแบตเตอรี่นี้ “มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดในโลกบน Quad Core 13” ที่สามารถแปลงสภาพได้” สำหรับจอแสดงผลเป็นแบบ OLED พร้อม True Black HDR มอบภาพเป็นมิติที่ลึกและสีสันที่คมชัดอย่างไม่น่าเชื่อ หน้าจอช่วยป้องกันแสงสะท้อน คุณจึงสามารถรับชมได้ในทุกสภาพแสง
• มีพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย ทั้ง USB Type-C, USB 3.1 Type-A, Micro SD Reader และช่องต่อหูฟัง
เมื่อพูดถึงการซื้อแล็ปท็อปขนาด 17 นิ้วโดยทั่วไปแล้ว ผู้ซื้อหลายคนอาจจะรู้สึกว่าต้องเลิกคิดเรื่องการพกพาไปเลย เพราะปกติแล็ปท็อปขนาดนี้จะมีน้ำหนักมากเกินไปสำหรับการพกพาไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และเป็นรุ่นที่คุณอาจจะรู้สึกว่าควรเก็บไว้ที่โต๊ะทำงานของคุณมากกว่า ไม่ใช่เอาไว้ใช้ในการเดินทางแต่ละวัน LG Gram 17 จึงเป็นรุ่นที่ดึงดูดเรามาก เพราะเปลี่ยนแปลงการใช้งานอุปกรณ์ขนาด 17 นิ้วแบบเดิม
รุ่นนี้มีน้ำหนักมากกว่า Dell XPS 13 เพียงเล็กน้อยที่ 1.35 กิโลกรัม แม้ว่าจะมีน้ำหนักที่เบาเหลือเชื่อ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกแข็งแรงเนื่องจากมีโครงสร้างที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ หากน้ำหนักเครื่องไม่ได้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจสำหรับคุณ เราอยากให้มาดูที่หน้าจอ ซึ่งเป็นส่วนที่ให้ความรู้สึกเหมือนใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่มีขนาดหน้าจอ 13 นิ้วทั่วไป
ด้วยอัตราส่วน 16:10 และหน้าจอความละเอียด 2,560 x 1,600 พิกเซล หน้าจอของรุ่นนี้ให้สีเข้มข้น มีระดับสีที่ชัดเจน และรายละเอียดที่คมชัด แม้ว่าจะไม่เหมาะกับการเล่นเกม แต่การใช้ดูทีวีและภาพยนตร์ก็ถือเป็นกิจกรรมสนุก ๆ ที่คุณทำได้ ด้วยความละเอียดสูงและพื้นที่ในแนวตั้งที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมี DTS: X Ultra ซึ่งให้เสียง 3D ที่สมจริงมาก
ในแง่ของตัวโครงสร้าง เราประทับใจที่พวกเขาเปลี่ยนบานพับจากรุ่นเดิมที่มองเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ตัวเครื่องดูใหญ่เทอะทะ แน่นอนว่ารุ่นนี้อาจจะไม่ได้มีหน้าตาเหมือน MacBook หรือ Spectre แต่ก็ยังดูสวยงามและโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม การพัฒนาอีกอย่างจากรุ่นเก่าคือส่วนด้านในของคีย์บอร์ด ในรุ่นนี้มีแสงพื้นหลังและมีปุ่ม Enter, Backspace และ Shift ที่กว้างขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่สะดวกสบายกว่าเดิม
• เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ด้วยพอร์ตอเนกประสงค์ ทั้ง Thunderbolt 3, HDMI, 3 USB 3.1 Type-A, USB 3.1 Type-C, Micro SD และช่องต่อหูฟัง
การซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญและมีปัจจัยบางข้อที่ต้องพิจารณา เพื่อช่วยให้คุณเลือกเครื่องที่ดีที่สุด ที่เหมาะกับงบประมาณและความต้องการของคุณ
• คุณต้องการหน้าจอใหญ่จริงไหม? โดยทั่วไปหน้าจอขนาด 13 นิ้วถือเป็นรุ่นที่พบเห็นได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นตัวเลือกที่ดีในระหว่างกลาง เมื่อเทียบกับจอแสดงผลขนาด 11 นิ้วและ 15 นิ้วขึ้นไป
• อย่าลืมว่าขนาดของหน้าจอจะมีผลต่อน้ำหนักด้วยเช่นกัน หากคุณต้องการเครื่องที่สามารถพกพาได้ ควรเลือกใช้รุ่นที่มีหน้าจอขนาด 13 นิ้วหรือน้อยกว่านั้น เพราะจะมีน้ำหนักอยู่ระหว่างต่ำกว่า 1 กก. ถึง 2 กก.
• ไม่ว่างบประมาณของคุณจะมีจำกัดไว้แค่ไหน การเลือกใช้หน้าจอ Full HD เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากคุณภาพความละเอียดที่ต่ำกว่าจะไม่สามารถแสดงสีที่ถูกต้องได้ และดูเป็นภาพที่มีพิกเซลแตก ยกเว้นว่างบประมาณของคุณจะมีน้อย (ต่ำกว่า 15,000 บาท) หลายรุ่นที่ราคาไม่แพงส่วนใหญ่ในตลาดจะมาพร้อมกับหน้าจอ Full HD
ข้อมูลที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องรู้เมื่อพูดถึงซอฟต์แวร์สำหรับโน๊ตบุ๊คของคุณ ก็คือระบบยอดนิยมทั้งสามระบบนี้ ได้แก่: Windows, MacOS และ ChromeOS การตัดสินใจเลือกว่าระบบไหนจะดีที่สุดสำหรับแล็ปท็อปของคุณ มีข้อมูลดังนี้
• หากคุณเคยใช้งานมาแล้วและรู้สึกชื่นชอบ ระบบนี้เป็นระบบที่หลายคนคุ้นเคยและใช้งานง่าย ผู้ใช้บางคนพบว่ายากที่จะเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์อื่นหลังจากนั้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปใช้ MacOS แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
• มีโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งหมายถึงทางเลือกที่มากขึ้นสำหรับคุณ
• MacBooks เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ยุ่งยากในการซ่อมแซมและทาง Apple ก็มีระบบบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม
• หากคุณคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์อื่นของ Apple แล้วและไม่ได้อยากจะปรับตัวกับการใช้งานซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับแล็ปท็อปของคุณ การใช้ระบบ MacOS ก็จะไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก
• ราคา MacBook อาจสูงมากกว่าปกติ ดังนั้นถ้าคุณไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ก็สามารถเลือกใช้ได้
• ถือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ที่ราคาไม่แพงจนเกินไป
• หากคุณชื่นชอบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ChromeOS นั้นเป็นระบบใช้งานง่ายและออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานใหม่โดยเฉพาะ
• เนื่องจาก ChromeOS เป็นระบบปฏิบัติการบน Cloud คุณจึงไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์มาเพิ่มมากนัก ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
คำถามที่ดีที่สุดที่ควรถามเมื่อคุณนึกถึงปริมาณพื้นที่จัดเก็บคือ: คุณอยากใช้โน๊ตบุ๊คสำหรับจุดประสงค์ใดเป็นหลัก? หากคุณเป็นคนที่ชอบจัดเก็บเพลง รูปภาพ เอกสาร ฯลฯ เป็นจำนวนมาก พื้นที่ความจุอาจจะหมดเร็วกว่าที่คุณคิด
ปริมาณการจัดเก็บจะพิจารณาจากขนาดของฮาร์ดดิสก์และวัดโดยใช้หน่วย GB หรือ TB (กิกะไบต์หรือเทราไบต์)
การใช้ Solid State Drive (SSD) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้กันทั่วไปสำหรับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำงานได้รวดเร็ว มีเงียบ และไม่ทำให้โน๊ตบุ๊คของคุณทำงานช้าลง ข้อเสียหลักของอุปกรณ์นี้ คืออาจมีราคาแพง ดังนั้นแบรนด์อื่น ๆ จึงออกมาพร้อมกับทางเลือกที่เพิ่มขึ้น เช่น Google Pixelbook Go ที่ใช้ Multi-Media Controller (eMMC) ในตัว
อุปกรณ์ของคุณจะมีประสิทธิภาพเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวระบบปฏิบัติการที่ใช้ (หรือที่เรียกว่า CPU) โดยพื้นฐานแล้วสิ่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานบนแล็ปท็อปคุณ ประเภทของระบบที่คุณเลือกขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเอง ดูว่าโดยปกติคุณต้องเปิดโปรแกรมทีละจำนวนมากพร้อมกันหรือไม่?
ความเร็วสัญญาณนาฬิกา (หรือ GHz) และจำนวนคอร์ เป็นข้อกำหนดที่สำคัญสองประการที่ควรทราบเมื่อคุณพิจารณาเลือกระบบของคุณ ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสามารถวัดได้จากจำนวนครั้งต่อวินาทีที่ตัวประมวลผลทำงาน ซึ่งยิ่งมีจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นระบบทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น ในส่วนของคอร์ในเครื่อง ถ้ายิ่งมีมาก ก็สามารถทำงานได้มากขึ้นในคราวเดียวกัน
คำนี้ย่อมาจาก Random Access Memory เป็นพื้นที่หน่วยความจำของโน๊ตบุ๊ค เมื่อมีอัตรา RAM มากขึ้น ก็แปลว่าอุปกรณ์ของคุณสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเป็นอย่างมาก และเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่อุปกรณ์ทำงานช้ากว่าปกติเวลาคุณเปิดหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน โปรแกรมที่ปิดอยู่จะถูกนำออกจาก RAM เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับไฟล์อื่น ๆ ในการใช้งาน
หน่วยความจำที่ต่ำที่สุดที่เราแนะนำคือ 4GB แต่อัตรา8GB เป็นค่าเฉลี่ยสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานหนัก
นี่คือคำแนะนำง่าย ๆ ที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้ เพื่อตัดสินใจกำหนดช่วงราคาสำหรับแล็ปท็อปของคุณ:
• ต่ำกว่า 15,000 บาท – ช่วงราคานี้จะช่วยให้คุณมีพื้นที่เก็บข้อมูลตั้งแต่ 2GB ถึง 4GB ในราคาใกล้เคียงประมาณ 15,000 บาท ตัวเครื่องควรมีระบบ Intel Celeron รุ่นล่าสุด ในขณะที่รุ่นที่ราคาต่ำกว่าประมาณ 10,000 บาท จะมีระบบ Intel Celeron หรือ Atom ที่ทำงานได้ช้ากว่า แล็ปท็อปหลายรุ่นที่ขายในช่วงราคานี้จะไม่เร็วมาก และเหมาะกับการใช้งานที่ไม่หนักมาก
• ระหว่าง 21,000 บาทถึง 40,000 บาท – จะมีระบบปฏิบัติการ ได้แก่ Intel Pentium, Core i3, i5 และ i7, AMD Ryzen 3, 5 7 และพื้นที่เก็บข้อมูล 8GB สำหรับการท่องอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่เหมาะสม การใช้งาน photoshop การตัดต่อวิดีโอ และการค้นคว้าข้อมูล พร้อมกับจอแสดงผล Full HD ซึ่งเราแนะนำให้เลือกที่เก็บข้อมูลแบบ SSD สำหรับรุ่นที่มีราคาที่ใกล้เคียง 40,000 บาท จะมาพร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นและดีไซน์การออกแบบระดับพรีเมียม
• มากกว่า 40,000 บาทขึ้นไป – มีการออกแบบภายนอกและหน้าจอที่สวยงาม เสียงคุณภาพสูง พร้อมลำโพงที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องใช้งานหนักมากขึ้น เช่น การตัดต่อวิดีโอ หรือการเล่นเกม
สุดท้ายแล้ว ราคาของแล็ปท็อปที่คุณควรเลือก ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณส่วนตัวของคุณเอง
หลังจากการหาข้อมูลและการทดสอบการใช้งานเป็นจำนวนหลายครั้ง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำเสนอโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดหลายรุ่นมาให้คุณเลือกซื้อตามรายการที่มีในท้องตลาดจาก Apple ไปจนถึง Dell บทความของเราได้รวมแบรนด์ต่าง ๆ เอาไว้มากมาย เพื่อให้คุณเลือกได้ตามงบประมาณทุกระดับ รวมถึงรุ่น Acer Swift ที่มีราคาไม่แพง ซึ่งเป็นรุ่นราคาประหยัดที่เราชื่นชอบในรายการของเรา
ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแล็ปท็อป อย่าลืมพิจารณารายละเอียดของแต่ละรุ่นที่คุณสนใจให้ถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงความสามารถในการพกพา และรูปแบบการใช้งานที่จะใช้บ่อยที่สุดของคุณเอง หากคุณอยากใช้เพื่อการเล่นเกม ให้เลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ หากคุณต้องการรุ่นที่เหมาะสำหรับที่ทำงาน โรงเรียน รูปแบบกราฟิกอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาของคุณ
Post a Comment